เรื่องง่าย ๆ ที่ควรรู้เกี่ยวกับการเช่าซื้อรถยนต์ ทำอย่างไรให้ไฟแนนซ์ผ่านฉลุย

การขอสินเชื่อรถยนต์ไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่หลาย ๆ ท่านคิด โดยเฉพาะผู้ที่เป็นพนักงานประจำ แต่ก็มีบางเงื่อนไขที่ควรรู้ก่อนยื่นขอสินเชื่อ จะได้ไม่ถูกปฏิเสธจากสถาบันการเงินให้เสียใจ เสียเวลา จึงขอแนะนำวิธีการเตรียมตัวและเตรียมเอกสารขอสินเชื่อรถยนต์ เพื่อช่วยเพิ่มโอกาสในการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อได้อย่างแน่นอน

1.เครดิตดี

การมีเครดิตที่ดีเป็นสิ่งสำคัญลำดับต้น ๆ ในการขอสินเชื่อรถยนต์ สำหรับการจัดไฟแนนซ์รถยนต์ของผู้ซื้อและผู้ค้ำประกันจะต้องไม่ติดแบล็กลิสต์ โดยการตรวจสอบข้อมูลจากบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ (เครดิตบูโร) ควรมีประวัติผ่อนชำระดีในการผ่อนสินเชื่อต่าง ๆ ซึ่งจะต้องไม่ค้างชำระสินเชื่อเกิน 90 วัน จึงจะทำให้เครดิตเข้าเกณฑ์การพิจารณาอนุมัติสินเชื่อรถยนต์ได้ หรือหากคุณติดแบล็กลิสต์ไปแล้ว วิธีการแก้ไขคือปิดชำระบัญชีหนี้สินต่าง ๆ ให้หมด และรอหลังจากนั้นเป็นเวลาอีก 3 ปี เพื่อให้ล้างเครดิตของคุณถึงจะไม่ติดแบล็กลิสต์ และมีโอกาสที่จะกลับมาซื้อรถกับทางไฟแนนซ์นั้น ๆได้ จะเห็นได้ว่าการกู้ซื้อรถให้ผ่านด้วยการจัดไฟแนนซ์รถยนต์ไม่ได้ยากอย่างที่คิด เพียงต้องมีการวางแผนการเงินให้ดี ถึงจะมีหนี้สินค้างอยู่ในประวัติเครดิตบูโร แต่ก็สามารถมีรถเป็นของตัวเองได้ แต่สินเชื่อที่มีอยู่ ณ ปัจจุบัน ต้องไม่มีการค้างชำระเกิน 90 วัน เมื่อทราบว่าเครดิตมีผลต่อการพิจารณาสินเชื่อเป็นอย่างมากแล้วก็ควรรักษาเครดิตตนเองให้ดีโดยการไม่ค้างชำระให้เสียเครดิตและมีผลต่อการพิจารณา แค่นี้ก็มั่นใจได้อีกขั้นว่าผลการพิจารณาสินเชื่อ ผ่านการอนุมัติอย่างแน่นอน

2.สมุดบัญชีมีการเคลื่อนไหวสม่ำเสมอ

สมุดบัญชีก็เป็นเอกสารสำคัญในการยื่นขอสินเชื่อกับไฟแนนซ์ เนื่องจากสมุดบัญชีจะแสดงถึงแหล่งที่มาของรายได้ และรายการรับ-จ่าย ซึ่งมีผลต่อการอนุมัติสินเชื่อโดยตรง เช่น พนักงานบริษัทที่มีเงินเดือนประจำเป็น Code Salary ผ่านบัญชีเป็นประจำทุกเดือน ก็จะง่ายต่อการยืนขอสินเชื่อกับไฟแนนซ์ ส่วนอาชีพเจ้าของกิจการก็ควรนำรายได้เข้าอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้มีเงินหมุนเวียนในบัญชีเป็นประจำ รายการเดินบัญชีนี้เจ้าหน้าที่ไฟแนนซ์จะนำมาเป็นส่วนหนึ่งในการคำนวนหารายได้ และพิจารณารายได้จากรายการเดินบัญชีของอาชีพเจ้าของกิจการ ค้าขายและอาชีพอิสระ เป็นต้น แต่หากไม่มีการอัปเดตสมุดบัญชีอย่างสม่ำเสมอ ก็สามารถขอ Statement ย้อนหลังผ่านช่องทางแอปธนาคารที่คุณใช้บริการ หรือติดต่อเคาน์เตอร์ธนาคารก็ได้เช่นกัน

3. แหล่งที่มารายของได้ต้องชัดเจน

เอกสารแสดงรายได้และแหล่งที่มาของรายได้ต้องชัดเจน สามารถตรวจสอบแหล่งที่มาของรายได้ได้ เช่น หนังสือรับรองเงินเดือน, สลิปเงินเดือน, รายการเดินบัญชีย้อนหลัง ซึ่งใช้เป็นเอกสารประกอบการพิจารณาสินเชื่อของไฟแนนซ์ และเอกสารต้องครบตามเงื่อนไขของบริษัท เช่น สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาบัตรประชาชน ซึ่งแนบเอกสารที่จำเป็น และหากกรณีที่เป็นพนักงานบริษัท ไฟแนนซ์มักจะพิจารณาจากฐานรายได้ประจำรวมกับรายได้อื่น ๆ เช่น โอที โบนัส คอมมิชชั่น ฯลฯ มาคิดรวมด้วย ทำให้ง่ายต่อการขอสินเชื่อมากขึ้น

4.ควรมีรายได้สูงกว่า 2 เท่าของค่างวด

เงินเดือนประจำของผู้ที่จะยื่นขอสินเชื่อกับไฟแนนซ์ควรสูงกว่าค่างวด อย่างน้อย 2 เท่า หรือสูงกว่า จึงจะมีโอกาสผ่านโดยไม่ต้องใช้ผู้ค้ำประกัน หรือถ้าน้อยกว่า 2เท่า หรือเท่ากับ 2 เท่า ของค่างวด ก็อาจจะถูกปรับเงื่อนไข โดยการให้เพิ่มเงินดาวน์ เพิ่มผู้ค้ำประกัน หรืออาจจะยืดระยะเวลาผ่อนให้นานขึ้นได้ แต่ก็ต้องแลกมาด้วยดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน

5.อายุงาน ควรมีอายุงานมากกว่า 6 เดือนขึ้นไป

สำหรับพนักงานบริษัท หรือผู้ที่ทำงานประจำ ควรมีอายุงานมากกว่า 6 เดือนขึ้นไป แสดงให้เห็นถึงความมั่นคงของรายได้ หากอายุงานไม่ถึง 3 เดือน หรือยังไม่ผ่านทดลองงาน ซึ่งไฟแนนซ์มองว่ามีโอกาสเสี่ยงที่จะถูกบริษัทเลิกจ้าง หรือไม่ผ่านงานก็เป็นไปได้ ดังนั้น หากอายุงานไม่ถึงก็คงต้องอดใจรอไปก่อนจนกว่าจะครบ 6 เดือน แต่บางไฟแนนซ์อาจจะพิจารณาเรื่องอายุงานแล้วแต่กรณีเป็น case by case โดยนำอายุงานที่เก่ามารวมให้ด้วยกรณีที่เป็นพนักงานในบริษัทใหญ่ มีความมั่นคง รายได้ประจำสูง ซึ่งกรณีอย่างหลังบางไฟแนนซ์จะพิจารณาแล้วแต่กรณีไป 

6.การเตรียมเอกสารให้ครบถ้วนและตรงกับความเป็นจริง

ความถูกต้องของเอกสารประกอบการพิจารณาถือเป็นสิ่งสำคัญ เพราะไฟแนนซ์จะมีการตรวจสอบโดยการติดต่อไปยังฝ่ายบุคคลของบริษัทที่คุณทำงานอยู่ เพื่อยืนยันสถานะการจ้างงานว่าคุณยังทำงานอยู่หรือไม่ มีอาชีพและตำแหน่งงาน เงินเดือนตามที่แจ้งไว้จริงไหม บางกรณีจะมีเจ้าหน้าที่ตรวจสอบภาคสนามไปที่บ้านเพื่อเป็นการยืนยันอาชีพ และแหล่งที่พักอาศัยว่าคุณมีที่อยู่ที่เป็นหลักแหล่งจริง ง่ายต่อการติดตามในอนาคตหากมีการค้างชำระค่างวด ดังนั้น การให้ข้อมูลที่แท้จริงกับไฟแนนซ์จะส่งผลให้อนุมัติง่ายขึ้นได้

สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นข้อมูลพื้นฐานที่บ่งบอกความสามารถในการชำระของผู้ขอสินเชื่อ และความพร้อมที่จะเช่าซื้อรถยนต์ แต่หากไฟแนนซ์ยังไม่พิจารณาอนุมัติให้ผ่าน ก็อย่าเพิ่งไปต่อว่าไฟแนนซ์ใจร้ายนะคะ เพราะนั่นอาจแปลว่าคุณอาจจะยังไม่มีความพร้อมจะซื้อรถตั้งแต่แรกนั่นเอง เพราะไฟแนนซ์ก็ต้องป้องกันความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นได้กับบริษัท

ที่มา : www.sanook.com